
8 นิสัยของครอบครัวที่มีความสุข
คริสต้า เมลนิค ไฮนส์
ความสุขอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล แต่ทำไมบางครอบครัวจึงมีความยืดหยุ่นและมีความสุขมากกว่าแม้ว่าชีวิตจะเจอปัญหา
ครอบครัวที่มีความสุขมักจะมีลักษณะบางอย่างที่เหมือนกัน และคุณเองก็สามารถปรับเปลี่ยนนิสัยให้เหมือนกับพวกเขาได้เพื่อสร้างบ้านที่มีความสุข และนี่คือแปดสิ่งที่พวกเขาทำ:
1. รับประทานอาหารร่วมกัน
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าการรับประทานอาหารเย็นร่วมกันสามารถลดโอกาสในการใช้สารเสพติด การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น และภาวะซึมเศร้าได้
เด็กที่รับประทานอาหารร่วมกับพ่อแม่มีแนวโน้มที่จะมีเกรดเฉลี่ยที่สูงขึ้น มีความมั่นใจในตนเองสูงขึ้น และมีคลังคำศัพท์ที่กว้างขึ้น ปิดทีวีและวางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไว้เพื่อจะได้ใช้เวลาบนโต๊ะอาหารช่วงมื้อเย็นกับครอบครัว
“บางครั้งเราลืมไปว่าชีวิตต้องเรียบง่าย มันโอเคที่จะนั่งรอบโต๊ะและทานอาหารเย็นด้วยกัน ขณะที่เราแสวงหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า เร็วกว่า แข็งแกร่งกว่า และฉลาดกว่า เราลืมที่จะอยู่นิ่งๆ บ้าง” เจนนิเฟอร์ แจ็คสัน-ไรซ์ นักบำบัดเด็ก/ครอบครัวกล่าว “เราลืมที่จะสร้าวสัมพันธ์ . . . ด้วยการอยู่กับลูก ๆ ของเรา”
2. สร้างสัมพันธ์ระหว่างวัน
ครอบครัวที่มีความสุขจะรู้สึกถึงความสัมพันธ์อันดีที่เหนียวแน่นระหว่างกัน ตามที่แจ็คสัน-ไรซ์ได้กล่าวไว้ว่าการสร้างสัมพันธ์ที่แท้จริงใช้เวลาเพียงแค่ห้านาทีต่อวัน
นั่งข้างกันระหว่างทำการบ้าน ทำอาหารด้วยกัน อ่านหนังสือก่อนนอน และคุยกันระหว่างขับรถไปทำกิจกรรมต่างๆ
สร้างเช้าที่สงบสุขและสดใสมากขึ้นโดยการเตรียมตัวในคืนก่อนหน้าหรือตื่นเช้าขึ้นเล็กน้อย
“การสร้างความสัมพันธ์ตั้งแต่ต้นวันสามารถทำให้เด็กๆ มีความสุข ไปตลอดทั้งวัน” แจ็คสัน-ไรซ์กล่าว
มิเชล ฮอน คุณแม่ลูกสอง ที่มีลูกชายอายุ 4 และ 2 ขวบเห็นด้วย เธอบอกว่าช่วง 30 นาทีแรกในตอนเช้าและ 30 นาทีก่อนเข้านอนช่วยให้ครอบครัวของเธอรู้สึกมั่นคง สงบ และได้รับความรักจากกัน
“เรากอดกันบ่อยๆ ในตอนเช้า และเราพยายามที่จะไม่ทำให้ช่วงเวลานี้เร่งรีบในบ้านของเรา” ฮอนกล่าว
ในตอนเย็นเธอและสามีของเธอที่ชื่อไมเคิล จะทำกิจวัตรก่อนนอนร่วมกับลูกชาย ซึ่งรวมถึงการอ่านหนังสือด้วยกันและทบทวนเรื่องในวันนั้นๆ อย่างเงียบๆ
3. หาสิ่งเติมเต็ม
ในขณะที่สิ่งของต่างๆ เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ล่าสุด กางเกงยีนส์จากดีไซเนอร์ หรือของเล่นทันสมัยอาจนำมาซึ่งความสุขเพียงชั่วครู่ แต่ก็ไม่ได้สร้างความพึงพอใจในระยะยาว
“ฉันไม่คิดว่าเราจะสอนลูกๆ ของเราให้มีความสุขได้ ถ้าเราต้องมองหาสิ่งภายนอกเพื่อให้มีความสุขอยู่ตลอด” คาติ วิงเคล เจ้าของ Empowered Parent Coach กล่าว
และนั่นรวมถึงการมองหาการยอมรับจากผู้อื่นเพื่อให้เห็นคุณค่าในตนเอง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดพฤติกรรมต่างๆ เช่น รู้สึกว่าต้องทำให้ผู้คนพอใจหรือหมกมุ่นอยู่กับ “ยอดไลค์” บนโซเชียลมีเดีย
“นี่คือจุดที่ทำให้เราอับอายอย่างมาก ผู้คนไม่ได้มีความสุขจริงๆ เพราะพวกเขามีความคาดหวังจอมปลอมที่สร้างขึ้นเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต” วิงเคิล กล่าว
การวิจัยชี้ให้เห็นว่าเด็กที่ได้รับการส่งเสริมตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการให้ทำกิจกรรมที่พวกเขาชอบและพัฒนาจุดแข็งของตนเองจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขมากขึ้น
สนับสนุนความรู้สึกสงสัยใคร่รู้และลองทำกิจกรรมต่างๆ กับลูกๆ ของคุณ ตั้งแต่งานอดิเรกไปจนถึงงานอาสาสมัคร รางวัลที่แท้จริงของการเข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างความพึงพอใจให้กับแต่ละคนนี้มีส่วนช่วยในการสร้างความมั่นใจและความรู้สึกในการมีจุดมุ่งหมาย
4. แสดงความรัก
ครอบครัวทุกวันนี้เผชิญกับความเครียดมากมาย วิธีแก้ไขง่ายๆ อย่างหนึ่งคือการกอดให้มากขึ้น
จากการวิจัยพบว่าการกอดกันแปดวินาทีสามารถให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง วิงเคิลกล่าว “การกอดแปดวินาทีจะปล่อยออกซิโตซินและฮอร์โมนที่ให้ความรู้สึกดีและคลายความเครียด กอดเด็กๆ กอดลูกๆ ของคุณ กอดคู่ครองของคุณ”
ลูกๆ ของฮอนยังแสดงความรักต่อผู้คนที่มาเยี่ยมพวกเขาด้วยการส่งจุ๊บและโบกมือลาเมื่อถึงเวลาที่แขกจะกลับไป
“จากมุมมองของผู้ใหญ่ ฉันรู้ว่าเรากำลังแสดงความขอบคุณ และทำให้ผู้คนรู้สึกว่าได้รับความรักและมีคุณค่า และนั่นทำให้ฉันมีความสุขอย่างมาก” ฮอนกล่าว “ไม่มีอะไรที่เหมือนกับการได้รับการส่งจูบจากเด็กอายุสองขวบหรอก!”
5. ให้กำลังใจกัน
ยินดีกับความสนใจและความสำเร็จของลูกๆ ของคุณด้วยการมองเห็นความพยายามของพวกเขา แทนที่จะจับผิดแต่จุดที่ผิดพลาด:
• “พ่อชอบดูหนูเล่นสนุกนะ”
• “แม่ชอบที่วิธีหนูระบายสีจัง มันดูดีมากเลย!”
• “หนูทำข้อสอบได้ดีมาก แม่รู้เลยหนูตั้งใจจริงๆ”
“เมื่อเราชมลูกๆ ของเรา ความเชื่อมั่นในตัวของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้น เมื่อความภูมิใจในตนเองสูง ความสัมพันธ์ก็จะดี และพฤติกรรมก็จะดี” แจ็คสัน-ไรซ์กล่าว
6. ใช้เวลาสนุกๆ ด้วยกัน
เล่นและหัวเราะด้วยกัน “ลูกๆ ของคุณจึงจะได้รู้จักคุณในฐานะมนุษย์” วิงเคิลกล่าว
ร้องเพลงด้วยกันในรถ แต่งเพลงตลกๆ เมื่อถึงเวลาแปรงฟัน ผลัดกันถามปริศนาหรือเล่นมุกตลก หรือทำหน้าตลกๆ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่ตึงเครียด
ลองแข่งกันทำกิจกรรมอะไรบางอย่างอย่างสนุกสนานดู ลูกของคุณไม่อยากที่จะแต่งตัวใช่ไหม? ลองทำเป็นพยายามสวมเสื้อผ้าของพวกเขาดูสิ “มันช่วยจะให้พวกเขาเบาใจขึ้นเล็กน้อย เราไม่จำเป็นต้องจริงจังตลอดเวลาหรอก” วิงเคิลกล่าว
นอกจากนี้ ลองทำตามของลูกของคุณบ้าง เช่น เล่นกับตุ๊กตา สร้างด้วยตัวต่อ LEGO หรือทำงานประดิษฐ์ด้วยกัน ถ้าลูกของคุณชอบปั่นจักรยาน ลองสำรวจเส้นทางใหม่ๆ ด้วยกัน หรือ กำหนดคืนเล่นบอร์ดเกมในครอบครัว
7. สร้างชุมชน
ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนที่สามารถพึ่งพาครอบครัวทางสายเลือดของตัวเองในการสนับสนุนด้านอารมณ์และการปฏิบัติที่ดีได้ หากนี่เป็นกรณีของคุณ ให้มุ่งความสนใจไปที่การสร้างมิตรภาพในแถบละแวกบ้าน โบสถ์ หรือที่โรงเรียนของลูกคุณ
ครอบครัวฮอน พึ่งพาครอบครัวอย่าง ป้า ลุง ปู่ย่า ละตายาย “บุญธรรม” ในการช่วยเหลือเรื่องลูกๆ ซึ่งช่วยพวกเขามีเวลาดูแลความสัมพันธ์ในการแต่งการของพวกเขาเองด้วย
“ลูกๆ ของฉันไปสวนสัตว์พร้อมกับเหล่าป้าๆ ของเราอยู่ตลอด” ฮอนกล่าว “นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาชอบ และมันก็ทำให้ฉันและสามีได้ใช้เวลาอย่างเงียบสงบในบ้านของเราหรือออกไปใช้เวลาที่มีค่านอกบ้าน”
8. รับรู้อารมณ์
เห็นอกเห็นใจลูกของคุณเมื่อพวกเขาอารมณ์เสีย รับฟังและยืนยันความรู้สึกของพวกเขา และระบุอารมณ์ของพวกเขาด้วยคำพูด หลีกเลี่ยงการถือเอาพฤติกรรมของลูกเป็นความผิดของคุณหรือรีบแก้ไขปัญหาของพวกเขาเร็วเกินไป เมื่อได้รับโอกาส เด็กๆ มักจะสามารถแก้ไขปัญหาและเจรจากับพี่น้องและเพื่อนเล่นได้อย่างสันติโดยปราศจากความช่วยเหลือจากผู้ปกครอง
ตามที่ จอห์น ก็อตแมน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์กล่าวไว้ เด็กๆ ที่เรียนรู้ที่จะปลอบใจตนเองจะก้าวผ่านอารมณ์ด้านลบได้เร็วขึ้น เด็กกลุ่มเดียวกันเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะสร้างมิตรภาพที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเป็นกุญแจอีกดอกสู่ความสุขในระยะยาว
นักข่าวอิสระคริสต้า เมลนิค ไฮนส์และสามีของเธอเป็นพ่อแม่ของเด็กชายสองคน คริสต้าเป็นผู้เขียนหนังสือ Happy, Healthy & Hyperconnected: Raise a Thoughtful Communicator in a Digital World