ยินดีต้อนรับสู่ Sukpab.com

ทุกอย่างเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพ

การออกกำลังกาย

Online

From Our Gallery

Top

Health

ได้ไหมคุยกันเรื่องรังสีจากสมาร์ทโฟน?

ลดการใช้งานระหว่างตั้งครรภ์ สมาร์ทโฟนกับการตั้งครรภ์ เรามาคุยกันเรื่องสมาร์ทโฟนและรังสีที่ปล่อยออกมากันไหม? ฉันรอจนถึงตอนนี้ที่จะแตะประเด็นนี้เพราะมันสำคัญจริงๆ สมาร์ทโฟนไม่ฉลาดเลยเมื่อพูดถึงการตั้งครรภ์หรือสุขภาพของสเปิร์ม ทั้งแม่และทารกในครรภ์จะดูดซับรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า (EMF) ที่สมาร์ทโฟนปล่อยออกมา หนึ่งในการศึกษารายงานว่าการสัมผัสกับรังสี EMF ระหว่างตั้งครรภ์เพิ่มอัตราการแท้ง อีกหลายการศึกษาระบุว่ามารดาที่ใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างตั้งครรภ์มีแนวโน้มที่จะมีระยะเวลาการตั้งครรภ์สั้นกว่าและมีทารกคลอดก่อนกำหนดมากกว่าผู้ที่ไม่ใช้ การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาเหล่านี้อาจอธิบายได้จากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิทารกในครรภ์และผลกระทบต่ออัตราการเต้นของหัวใจในผู้หญิงที่ใช้โทรศัพท์มือถือมากที่สุดระหว่างตั้งครรภ์ "การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาเหล่านี้อาจเป็นภัยคุกคามต่อการตั้งครรภ์และเพิ่มความเสี่ยงในการคลอดฉุกเฉิน ซึ่งยังเพิ่มความเสี่ยงของการแท้งหรือการคลอดก่อนกำหนด" หนึ่งในงานวิจัยกล่าวไว้ ผู้ชายก็ต้องลดการใช้งานเช่นกันหากต้องการให้สเปิร์มมีคุณภาพดี เราทราบว่าผู้ชายที่ใช้โทรศัพท์มือถือมากที่สุดมีจำนวนสเปิร์มน้อยที่สุดและคุณภาพของสเปิร์มแย่ลง มูลนิธิสิ่งแวดล้อมเพื่อสุขภาพ (Environmental Health Trust, EHT) ซึ่งทำหน้าที่เหมือนหน่วยงานของรัฐบาลทั่วโลกในการแจ้งข้อมูลและต่อสู้เพื่อสิทธิผู้บริโภคของเรา ได้กำหนดแนวทางการใช้งานที่ปลอดภัยสำหรับบุคคลในวัยเจริญพันธุ์และระหว่างตั้งครรภ์ ในโลกปัจจุบัน คงไม่สมจริงที่จะคาดหวังให้เด็กๆ หรือเราหลีกเลี่ยงการใช้สมาร์ทโฟน ดังนั้นจึงสำคัญมากที่เราต้องเก็บโทรศัพท์ให้ห่างจากร่างกายมากที่สุดเมื่อไม่ได้ใช้ วางให้ห่างจากตัวเมื่อวางบนโต๊ะ และอย่าถือไว้บนตักขณะขับรถหรือใส่ในกระเป๋า EHT แนะนำให้ใช้หูฟังแบบพลังงานต่ำหรือหูฟังไร้สาย และแนะนำให้ส่งข้อความแทนเพราะใช้พลังงานน้อยกว่าและมีการสัมผัสรังสี EMF น้อยกว่า หากต้องวางโทรศัพท์บนตัก ให้ใช้วัสดุปิดกัน เช่น หนังสือ...

Share

8 นิสัยของครอบครัวที่มีความสุข

คริสต้า เมลนิค ไฮนส์ ความสุขอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล แต่ทำไมบางครอบครัวจึงมีความยืดหยุ่นและมีความสุขมากกว่าแม้ว่าชีวิตจะเจอปัญหา ครอบครัวที่มีความสุขมักจะมีลักษณะบางอย่างที่เหมือนกัน และคุณเองก็สามารถปรับเปลี่ยนนิสัยให้เหมือนกับพวกเขาได้เพื่อสร้างบ้านที่มีความสุข และนี่คือแปดสิ่งที่พวกเขาทำ: 1. รับประทานอาหารร่วมกัน งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าการรับประทานอาหารเย็นร่วมกันสามารถลดโอกาสในการใช้สารเสพติด การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น และภาวะซึมเศร้าได้ เด็กที่รับประทานอาหารร่วมกับพ่อแม่มีแนวโน้มที่จะมีเกรดเฉลี่ยที่สูงขึ้น มีความมั่นใจในตนเองสูงขึ้น และมีคลังคำศัพท์ที่กว้างขึ้น ปิดทีวีและวางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไว้เพื่อจะได้ใช้เวลาบนโต๊ะอาหารช่วงมื้อเย็นกับครอบครัว “บางครั้งเราลืมไปว่าชีวิตต้องเรียบง่าย มันโอเคที่จะนั่งรอบโต๊ะและทานอาหารเย็นด้วยกัน ขณะที่เราแสวงหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า เร็วกว่า แข็งแกร่งกว่า และฉลาดกว่า เราลืมที่จะอยู่นิ่งๆ บ้าง” เจนนิเฟอร์ แจ็คสัน-ไรซ์ นักบำบัดเด็ก/ครอบครัวกล่าว “เราลืมที่จะสร้าวสัมพันธ์ . . . ด้วยการอยู่กับลูก ๆ ของเรา” 2. สร้างสัมพันธ์ระหว่างวัน ครอบครัวที่มีความสุขจะรู้สึกถึงความสัมพันธ์อันดีที่เหนียวแน่นระหว่างกัน ตามที่แจ็คสัน-ไรซ์ได้กล่าวไว้ว่าการสร้างสัมพันธ์ที่แท้จริงใช้เวลาเพียงแค่ห้านาทีต่อวัน นั่งข้างกันระหว่างทำการบ้าน...

Share

ความปลอดภัยของหัวเข่า 101: วิธีป้องกันและ ซัพพอร์ตข้อต่อของคุณระหว่างออกกำลังกาย

การออกกำลังอาจเป็นกิจกรรมที่คุณตั้งตาคอยในทุกสัปดาห์ ความมั่นใจในตนเองที่มาพร้อมกับความสำเร็จในการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดีแต่ว่าคุณอาจไปไม่ถึงฝันถ้าดันมาเจ็บเข่าซะก่อน กลับไปออกกำลังกายที่คุณรักโดยไม่ต้องเสี่ยงบาดเจ็บด้วยการเรียนรู้ที่จะป้องกันและซัพพอร์ตข้อต่อของคุณระหว่างออกกำลังกาย เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณเริ่มได้ง่ายขึ้น 1. เพิ่มเวลาวอร์มอัพ บางครั้งการข้ามช่วงวอร์มอัพก็น่าล่อตาล่อใจ มันอาจจะดูเหมือนมาแทนเวลาที่คุณจะได้ออกกำลังกายซึ่งไม่ได้มีโอกาศออกทุกวัน และอาจจะดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเมื่อเปรียบเทียบกับการออกแรงระหว่างการออกกำลังกายของคุณ ถึงแม้ว่าคุณอยากจะข้ามไปออกกำลังกายแค่ไหน ได้โปรดใจเย็นลงสักนิดและวอร์มอัพสักห้านาที การเคลื่อนไหวเบาๆจะทำให้กล้ามเนื้อตื่นตัว และส่งน้ำไขข้อไปยังข้อต่อเพื่อหล่อลื่นตามธรรมชาติ เมื่อคุณพร้อมที่จะวิ่งหรือยกเวทข้อต่อของคุณก็อาจะแทบไม่รู้สึกเจ็บหรือไม่เจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว 2. ประเมินสภาพแวดล้อม มีท่าออกกำลังกายมากมายที่คุณสามารถทำได้ในห้องนั่งเล่นหรือยิม แต่ไม่ได้หมายความว่าสภาพแวดล้อมดังกล่าวจะเหมาะสมกับข้อต่อของคุณ พื้นที่บ้านหรือยิมของคุณอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บซึ่งจะเป็นอุปสรรคในการออกกำลังกายของคุณ ข้อต่อจะรู้สึกสบายขึ้นบนวัสดุที่สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ 22-40% เพราะข้อต่อไม่ต้องรับแรงกระแทกในแต่ละก้าว ลองถามผู้จัดการยิมของคุณเกี่ยวกับวัสดุพื้นหลายๆแบบที่มีในยิม หรือใช้เสื่อรองเมื่อออกกำลังกายที่บ้าน หากคุณออกกำลังกายที่บ้าน ลองดูอุณหภูมิก่อนที่จะออกกำลังกาย อากาศที่เย็นอาจทำให้อาการเจ็บที่ข้อต่อรุนแรงมากขึ้นเพราะว่ามันทำให้น้ำไขข้อมีความหนืดมากขึ้นในขณะที่สูบฉีดเลือดไปรวมที่อวัยวะภายในเป็นส่วนใหญ่แทนที่จะไหลไปที่แขนและขาของคุณ การปรับอุณหภูมิที่บ้านให้สูงขึ้นหนึ่งหรือสององศาอาจจะให้ออกกำลังกายได้สบายมากขึ้น 3. เลือกท่าออกกำลังกายที่แรงกระแทกต่ำ การออกกำลังกายที่แรงกระแทกสูงจะสร้างแรงสะเทือนไปยังข้อต่อของคุณ ถ้าคุณมีสารหล่อลื่นที่ข้อต่อน้อย กระดูกของคุณก็จะสัมผัสกันและอาจทำให้เจ็บปวดมาก การเปลี่ยนการออกกำลังกายไปเป็นแบบแรงกระแทกต่ำเป็นอีกหนทางหนึ่งในการป้องกันและซัพพอร์ตข้อต่อระหว่างการออกกำลังกาย ลองเดินด้วยเครื่องเดินวงรีหรือเข้าร่วมคลาสไทชิดูสิ ตัวเลือกบางอย่างก็อาจจะดูท้าทายน้อยลงกว่าที่คุณต้องการ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย การออกกำลังกายที่แรงกระแทกต่ำอย่างการว่ายน้ำจะเพิ่มการไหลเวียนของออกซิเจนไปยังข้อต่อของคุณ จึงลดการอีกเสบไปพร้อมๆกับที่คุณแหวกว่ายในสระ ตราบใดที่อัตราการเต้นของหัวใจคุณสูงขึ้น ร่างกายของคุณก็จะได้รับประโยชน์จากการออกกำลังกายนั้นๆ 4. ออกกำลังกับเทรนเนอร์ แม้กระทั่งคนที่ไม่ได้เจ็บข้อต่อก็อาจจะได้รับบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจถ้าไม่ออกกำลังให้ถูกท่า คุณอาจจะทำตามวิดีโอบนยูทูปที่ดีที่สุดแต่ก็ยังทำท่าไม่ถูกอยู่ดี ถ้าคุณคิดว่ามันทำให้คุณรู้สึกไม่ค่อยสบายล่ะก็ ลองออกกำลังกาบกับเทรนเนอร์ดูสิ พวกเขาจะแสดงวิธีการป้องกันข้อต่อของคุณในระหว่างออกกำลังกายและช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายด้านสุขภาพอีกด้วย 5. เปลี่ยนรองเท้า รองเท้าผ้าใบไม่ได้เหมือนกันทุกคู่ บางคู่ก็มีพื้นเป็นผ้าที่ไม่ได้รับกับรูปเท้าหรือกันกระแทก คุณจะรู้สึกถึงความต่างในข้อต่อได้เลยเมื่อเปลี่ยนไปใช้รองเท้ากันกระแทกที่รับกับรูปเท้าของคุณ ซึ่งจะช่วยดูดซับแรงกระแทกในแต่ละการเคลื่อนไหว...

Share

7 สิ่งที่คุณสามารถทำได้ เพื่อเริ่มปรับปรุงสุขภาพร่างกายของคุณในวันนี้

หากคุณเป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ คุณก็คงอาจจะมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในเรื่องสุขภาพร่างกายของคุณ ไม่ว่าเป้าหมายนั้น คือการวิ่งมาราธอน หรือแค่เอื้อมแตะสัมผัสนิ้วเท้าได้โดยที่ไม่ต้องเกร็ง คุณมีโอกาสแล้วที่คุณจะรู้ว่า คุณต้องปรับปรุงอะไรในด้านไหน แต่การรับรู้และการทำเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน หากมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงกิจวัตรการออกกำลังกายใหม่ทั้งหมด แต่ยังรู้สึกหนักใจอยู่ อย่ากังวลไป! การพัฒนาสุขภาพร่างกายของคุณ ไม่จำเป็นต้องทำการเปลี่ยนแปลงตังเองครั้งใหญ่ในชั่วข้ามคืน แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงการกระทำทีละเล็กทีละน้อยที่ทุกคนสามารถทำได้ในวันนี้ เพื่อพวกเขาจะได้เริ่มต้นบนเส้นทางสู่การบรรลุเป้าหมาย! ในบล็อกโพสต์นี้ เราจะพูดถึง 7 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำเองได้ตอนนี้ เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี และเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถ้าหากคุณพร้อมที่จะมีไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น มาร่วมกับเราในการเดินทางสู่ความสำเร็จนี้ได้เลย! วางแผนสำหรับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพของคุณและปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งในการเริ่มพัฒนาสุขภาพร่างกายของคุณตั้งแต่วันนี้ แทนที่จะมุ่งไปที่อาหารตามแฟชั่น หรือแผนการรับประทานอาหารที่มีขีดจำกัด แต่ให้มุ่งไปที่การรับประทานอาหารให้สมดุล ซึ่งจะประกอบด้วยผลไม้ ผัก ธัญพืช...

Share

อาหาร 7 อย่างที่ดีต่อสมองของคุณ

ลองเพิ่มซุปเปอร์ฟู้ดที่สองชอบเข้าไปในอาหารของคุณเพื่อจิตใจที่ปลอดโปร่ง, อารมณ์ที่ดี และการช่วยบำรุงสุขภาพสมอง 1. ผักใบเขียว ทานผักใบเขียวเช่น ผักกาดหอม, คอลลาร์ด, คะน้าใบหยัก และ ปวยเล้งเยอะๆ ผักสีเขียวๆ พวกนี้จะมอบสารอาหรที่ดีต่อสมอง ประกอบไปด้วย ฟิลโลควิโนน ลูทีน และโฟเลต อ้างอิงจากงานวิจัยสาขาประสาทวิทยาในปี 2018 การทานผักใบเขียวจะช่วยบำรุงความจำและชะลอการเสื่อมถอยของทักษะการคิดที่เป็นไปตามอายุ งานวิจัยได้ติดตามผลจากกลุ่มตัวแทนอายุ 80 ปีเป็นเวลา 5 ปี พวกเขาทานผักวันละจาน (ผักปรุงสุกมากกว่า ½ ถ้วยตวง หรือ ผักสด 1 ถ้วยตวง)...

Share

ทำไมการว่ายน้ำมีประโยชน์มากสำหรับผู้สูงอายุ

การว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่สนุกและดีต่อสุขภาพสำหรับทุกวัย เนื่องจากมีประโยชน์มากมาย อย่างไรก็ตาม การว่ายน้ำมีประโยชน์มากเป็นพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้นส่งผลสู่ร่างกายและจิตใจสามารถมีผลกระทบทางลบต่อด้านสุขภาพ ในขณะที่คุณเริ่มพิจารณาการใส่นาฬิกาสมาร์ทแอลเลิร์ททางการแพทย์ คุณก็ควรที่จะพิจารณาการเริ่มต้นการว่ายน้ำเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน นี่คือประโยชน์มากมายของการว่ายน้ำและการเปรียบเทียบกับการออกกำลังกายอื่น ๆ สำหรับผู้สูงอายุ ทั้งหมดของร่างกายได้ทำงาน หนึ่งในประโยชน์สำคัญของการว่ายน้ำคือการทำงานกับทั้งร่างกาย ด้วยความต้านทานจากน้ำ กลุ่มกล้ามเนื้อทั้งหมดของคุณต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ อย่างไรก็ตามจะไม่เหมือนการยกน้ำหนักหรือออกกำลังกายอื่น ๆ มันไม่รู้สึกเหมือนเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ความพยายามมากเพราะการลอยน้ำ ดังนั้นร่างกายของคุณจะเริ่มมีกล้ามเนื้อโดยไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ นี้เป็นประโยชน์ที่มีประโยชน์มากๆ สำหรับผู้ที่มีกำลังต่ำ และประโยชน์ทั้งร่างกายนี้ยังมีผลต่อการบริหารจัดการน้ำหนักได้อย่างดี ไม่ว่าคุณจะต้องการลดน้ำหนักหรือแค่รักษาน้ำหนักปัจจุบันของคุณ การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายทั้งทางหัวใจและทั้งร่างกาย ทำให้เผาผลาญพลังงานและทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงๆไปพร้อม ๆ กัน นี่คือประโยชน์ที่มีค่าซึ่งมาจากกิจกรรมง่ายๆ นี้ และการเริ่มต้นกับการว่ายน้ำง่ายมาก สระว่ายน้ำมีทั่วทุกที่ ตั้งแต่บ้านของคุณไปจนถึงสโมสร ฟิตเนส และสิ่งอำนวยความสะดวกในชุมชน...

Share

สิ่งที่ควรทำเมื่อคุณไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของแพทย์

ผู้เขียน - เชอริล แมไกวร์ “ผมคิดว่าน่าจะเป็นแค่ไข้หวัดนะครับ” แพทย์บอก ฉันก็เชื่อคุณหมอนะคะ ลางสังหรณ์ของแม่มันดันบอกว่าลูกชายอายุ 14 ปีของฉันไม่ได้เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา น้องสาวฝาแฝดของเขาเพิ่งจะเป็นปอดบวมไป และฉันก็คิดว่าการไอของเขามันคล้ายๆ กับเธอเลย ดังนั้นฉันก็เลยขอให้เอ็กซ์เรย์ปอดด้วย และลางสังหรณ์ของฉันก็ถูกจริงๆ ลูกชายฉันเป็นปอดบวม ในฐานะคุณแม่ลูกสาม นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเห็นแย้งกับคำวินิจฉัยของคุณหมอค่ะ เราอาจจะลังเลที่จะไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคุณหมอ แต่ว่าข้อผิดพลาดทางการแพทย์และการสังเกตที่พลาดก็เกิดขึ้นได้ ย้อนไปในปี 1999 อุตสาหกรรมทางการแพทย์ตั้งเป้าหมายในการลดข้อผิดพลาดลง 50% ภายในเวลาห้าปี แต่ถึงอย่างนั้น 20 ปีต่อมาอัตราการผิดพลาดก็ยังเหมือนเดิมที่เคยเป็นมา “ในฐานะแพทย์และผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรัง ผมได้สัมผัสกับปัญหาจากทั้งสองมุมมองเลยครับ” คุณมาร์ก ดี. เรโก ซึ่งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์คลินิกจิตเวชศาสตร์ที่คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเยลเอ่ย “ปัญหาคือความไม่สมดุล...

Share

กาแฟเย็นที่คุณดื่มกำลังทำให้คุณขาดน้ำรึเปล่า?

ลองจินตนาการดูสิว่าคุณดื่มน้ำหลายลิตรเพื่อพยายามจะทำให้ร่างกายของคุณไม่ขาดน้ำ เพียงเพื่อจะพบว่ากาแฟเย็นเพียงแก้วนึงกลับทำให้ร่างกายคุณขาดน้ำซะได้ คุณอาจจะเคยได้ยินจากเพื่อนหรือในอินเทอร์เน็ตว่าคาเฟอีนเป็นสารขับปัสสาวะและทำให้คุณเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นจึงทำให้สูญเสียน้ำในร่างกาย แต่ก่อนที่คุณจะกังวลและเลิกดื่มกาแฟ ลองรายระเอียดของวิจัยดูก่อน และนี่คือเหตุผลว่าทำไมการดื่มกาแฟเย็นจึงไม่ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ 1. กาแฟชงด้วยน้ำ กาแฟสกัดเย็นแก้วโปรดของคุณถูกเตรียมโดยการแช่เมล็ดกาแฟข้ามคืนในน้ำหลายลิตร ดังนั้นการดื่มกาแฟจึงไม่ทำให้สูญเสียน้ำ กาแฟหนึ่งแก้วมีน้ำมากถึง 98% ซึ่งหมายความว่ามีกาแฟอยู่เพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ คุณเคยสังเกตรึเปล่าว่าบาริสต้าชงกาแฟอเมริกาโนเย็นของคุณอย่างไร?  พวกเขาต้องสกัดน้ำกาแฟจากแรงดันน้ำ และใส่น้ำแข็งก่อนที่จะเทกาแฟลงไปหนึ่งช็อต แปลว่ากาแฟเย็นของคุณแทบจะเป็นน้ำเปล่าทั้งหมด 2. มีน้ำแข็งเต็มแก้ว น้ำแข็งก้อนก็คือน้ำเปล่า ดังนั้นการดื่มกาแฟจึงเพิ่มปริมาณน้ำที่คุณได้ดื่ม ซึ่งก็รวมอยู่ใน 98% ของปริมาณน้ำในกาแฟ คุณอาจจะไม่เคยรู้แต่น้ำแข็งกว่าครึ่งในอเมริกาโน่เย็นของคุณมีไว้เพื่อทำให้ช็อตเอสเพรสโซเย็นลง ถ้าคุณกังวลเกี่ยวกับปริมาณคาเฟอีน คาราเมลมัคคิอาโต้เย็นที่สตาร์บัคนั้นมีปริมาณคาเฟอีนแค่ 150 มิลลิกรัมเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของ 400 มิลลิกรัมซึ่งเป็นปริมาณที่องค์การอาหารและยาแนะนำ ตราบใดที่คุณไม่ดื่มกาแฟที่เพิ่มเอสเพรสโซไปสองช็อต ปริมาณของคาเฟอีนก็ยังอยู่ในลิมิตที่กำหนดที่ให้ดื่มได้ประมาณสองแก้วใหญ่ 3. ถูกผสมกับนม การดื่มลาเต้เย็นหรือคาปูชิโน่ทำให้ขาดน้ำเป็นเพียงความเข้าใจผิดเท่านั้น ในทางกลับกัน นมมีสารอาหารที่ดี,...

Share

ถอดรหัสไทม์ไลน์: แอลกอฮอล์อยู่ได้นานเท่าไหร่ในร่างกายของคุณ?

 ตับเป็นอวัยวะหลักที่รับผิดชอบในการย่อยสลายแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตามมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาที่แอลกอฮอล์จะอยู่ในร่างกายของคุณได้ ซึ่งสถาบันแห่งชาติเกี่ยวกับการใช้แอลกอฮอล์ในทางที่ผิดและโรคพิษสุราเรื้อรัง (NIAAA) ได้ทำการศึกษาเพื่อหาคำตอบถึงผลกระทบของแอลกอฮอล์ที่ตกค้างในร่างกายมนุษย์ มันอาจจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากในการพิจารณาว่าคุณจะสามารถขับรถได้อย่างปลอดภัยตามกฎหมายหรือไม่หากคุณไม่เข้าใจองค์ประกอบเหล่านี้ ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อความสามารถของร่างกายในการเผาผลาญแอลกอฮอล์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้รวมถึง: อายุน้ำหนักกรรมพันธุ์ประวัติการบริโภคแอลกอฮอล์ประเภทแอลกอฮอล์ที่ดื่มปริมาณอาหารที่ทาน ซึ่งบางคนอาจจะต้องผ่านการตรวจสอบแอลกอฮอล์ก่อนจะเข้าร่วมโปรแกรมดีท็อกซ์แอลกอฮอล์ฟรือการสัมภาษณ์งาน ในบทความนี้เราจะช่วยคุณถอดรหัสไทม์ไลน์ของแอลกอฮอล์ที่อยู่ในร่างกายของคุณ เราจะพูดคุยถึงเรื่องปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลและวิธีการที่คุณจะสามารถช่วยให้ตัวคุณหลุดพ้นจากผลกระทบของพิษสุราเรื้อรังได้ กระบวนการการตรวจสอบแอลกอฮอล์ในร่างกาย ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดจะถูกวัดในหน่วยมิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยของปริมาตรเลือด ซึ่งคุณจะสามารถดูค่าที่วัดออกมาได้ในรูปของเปอร์เซ็นต์ มีความเชื่อที่ว่าระดับแอลกอฮอล์แสดงถึงปริมาณของแอลกอฮอล์ที่บริโภคเข้าไป แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย น้ำหนัก, อายุ, ลักษณะพันธุกรรมอื่นๆ, ปริมาณของอาหารหรือสารอื่นๆ ในกระเพาะ, การไหลเวียนของเลือด และปัจจัยอื่นๆมีผลกระทบกับความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในเลือด (BAC) ทั้งหมด  กระบวนการการเผาผลาญแอลกอฮอล์ในร่างกาย แอลกอฮอล์ไม่ได้ผ่านกระบวนการย่อยที่ยาวนานเช่นเดียวกับอาหาร อย่างไรก็ตามแอลกอฮอล์ก็ยังคงผ่านระบบย่อยอยู่ดี แอลกอฮอล์ปริมาณมากจะผ่านเนื้อเยื่อที่บุผนังกระเพาะอาหารและสำไล้เล็กส่วนต้น แอลกอฮอล์ก็จะผ่านเข้ากระแสเลือดทันทีที่ผ่านระบบทางเดินอาหารส่วนต้น และไปยังสมองผ่านกระแสเลือดและเดินทางต่อไปทั่วทั้งร่างกาย อย่างไรก็ตามกระบวนการการดูดซึมอาจจะช้าลงถ้าหากมีอาหารภายในกระเพาะอยู่ก่อนแล้ว แอลกอฮอล์มักจะถูกอาหารที่อยู่ในกระเพาะดูดซึมไปบางส่วน ยิ่งถ้าคุณทานอาหารไปก่อนแล้ว มันก็จะช่วยไม่ให้แอลกอฮอล์สัมผัสกับเนื้อเยื่อกระเพาะโดยตรงระหว่างที่ผ่านจากกระเพาะไปยังดูโอดีนัม (ลำไส้เล็กส่วนต้น) ดังนั้นหากไม่มีอาหารในกระเพาะ แอลกอฮอล์ก็จะดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว แอลกอฮอล์สามารถอยู่ในร่างกายได้นานแค่ไหน? ปัจจัยหลายอย่างรวมไปถึง อายุ, น้ำหนัก, การทานอาหารในช่วงเวลาก่อนหน้า,...

Share

สมเกาหลีเปลี่ยนโปรไฟล์ชีวเคมีของความเหนื่อยล้า

การฟื้นฟูค่าเลือด นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาประสิทธิภาพการออกกำลังกายสังเกตว่าการฝึกความแข็งแกร่งและความทนทานทำให้ระดับครีเอทีนไคเนส (CK) และไนโตรเจนยูเรียในเลือด (BUN) เพิ่มขึ้น และทำให้ค่าฮีโมโกลบินในเลือดลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณทางชีวเคมีของความเหนื่อยล้า ในการศึกษานี้ การให้โสมเกาหลีทำให้เกิด “การลดลงอย่างชัดเจน” ของ CK และ BUN และช่วยฟื้นฟูค่าชีวเคมีให้ใกล้เคียงกับค่าปกติ ซึ่งชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงในโปรไฟล์เมตาบอลิซึมอาจสะท้อนถึงผลต้านความเหนื่อยล้าของโสมเกาหลี ในการศึกษาอีกชิ้นหนึ่ง พบว่าโดสที่สูงที่สุดให้ผลดีที่สุด บุคคลที่ไม่ได้ออกกำลังกายถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่มแบบสุ่ม: การเสริมสร้างกินเสนไซด์ในปริมาณต่ำ (100 มิลลิกรัม [mg]/วัน), การเสริมสร้างกินเสนไซด์ในปริมาณสูง (500 mg/วัน) หรือกลุ่มแพลซีโบ ผู้เข้าร่วมทุกคนได้รับการฝึกอบรมการออกกำลังกายแอโรบิกและการต่อต้านที่ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญเป็นเวลา 12 สัปดาห์ ในการประเมินผลของการเสริมสร้างต่อประสิทธิภาพทางกายภาพ การบริโภคออกซิเจนสูงสุด (VO2max), พื้นที่ไม่ใช่แอโรบิก...

Share